ข่าวล่าสุดรายงานว่า ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมยุติบทบาทในเร็วๆ นี้ หลังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลายลงอย่างเห็นได้ชัด พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. เปิดเผยว่า การยุติบทบาทนี้เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้นและอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้
การตัดสินใจนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ราบรื่นขึ้นระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา การยุติบทบาทของ ศบ.ทก. แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นต้องมีกลไกพิเศษเข้ามาดูแลอีกต่อไป และเป็นการเปิดทางให้กลไกหลักที่มีอยู่เดิม เช่น กระทรวงมหาดไทย, กองทัพ, และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาบริหารจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่
โฆษก ศบ.ทก. ยอมรับว่าเดิมทีมีการจัดตั้ง ศบ.ทก. ขึ้นมาเพื่อบูรณาการการทำงานในช่วงแรกที่เกิดข้อพิพาทรุนแรง แต่หลังจากการลงนามความร่วมมือต่างๆ สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
บทบาทของกระทรวงมหาดไทยและกองทัพ
หลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทยและกองทัพ จะเข้ามามีบทบาทหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ทั้งสองหน่วยงานมีความพร้อมและมีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบ.ทก. ยืนยันว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ศบ.ทก. ก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อีกครั้ง
สถานการณ์โดรนและการป้องกัน
ในส่วนของสถานการณ์โดรน มีรายงานว่าทหารกัมพูชาได้ติดตั้งตาข่ายป้องกันการทิ้งระเบิดจากโดรนในพื้นที่ 61 แห่ง ขณะที่ประเทศไทยยังคงพบโดรนบินหลายลำในจังหวัดศรีสะเกษ ทหารยังคงตรึงกำลังเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยรวมแล้ว สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ และการยุติบทบาทของ ศบ.ทก. ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างสองประเทศ