พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา
วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ทรงพระราชดำริเห็นว่าในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณ สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
พระราชกฤษฎีกานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์เหล่านั้นได้กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป การพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 261 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
รายละเอียดของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จะระบุถึงเงื่อนไขและขอบเขตของการพระราชทานอภัยโทษ รวมถึงประเภทของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาปล่อยตัวหรือลดโทษ การประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 ได้จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาโดยตรง เพื่อทำความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้
ผลกระทบต่อสังคมและกระบวนการยุติธรรม
การพระราชทานอภัยโทษมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อทั้งผู้ต้องราชทัณฑ์ ครอบครัว และสังคมโดยรวม การปล่อยตัวผู้ต้องขังจำนวนมากอาจนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สำนึกผิดได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
- การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้การสนับสนุนและเตรียมความพร้อมแก่ผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัว เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้อย่างราบรื่น
- การติดตามและประเมินผล: ควรมีการติดตามและประเมินผลการกลับคืนสู่สังคมของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ