สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำลังเร่งแก้ไขปัญหาคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนจำนวนหนึ่งที่ขอถอนตัวออกจากระบบบัตรทอง ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป การถอนตัวครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยจำนวนมากที่เคยใช้บริการในสถานพยาบาลเหล่านี้ สปสช. จึงต้องเร่งหามาตรการรองรับเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ปัจจุบันและการแก้ไขปัญหา
พ.ท.ทพ.ธนศักดิ์ ถัมภ์บรรฑุ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมด่วนกับโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และคลินิกที่ยังอยู่ในระบบกว่า 250 แห่ง เพื่อวางแนวทางรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเบื้องต้น สปสช. ได้จัดเตรียมระบบรองรับไว้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่:
- กระจายผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่เดิม
- ส่งต่อไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตรอยต่อ
- ให้ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครรับดูแลชั่วคราว
นอกจากนี้ สปสช. ได้กำชับให้คลินิกเดิมจัดเตรียมข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยเพื่อให้การรักษาต่อเนื่องเป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ประเด็นเรื่องหนี้สินบัตรทอง
ในขณะเดียวกัน สปสช. ได้ชี้แจงประเด็นเรื่องหนี้สินบัตรทอง โดยย้ำว่าเป็นการปรับงบประมาณตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ไม่ใช่หนี้สินค้างชำระ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งจากบางฝ่ายที่ระบุว่า สปสช. ยังคงค้างชำระหนี้จริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถานพยาบาล
สปสช. ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้มีสิทธิบัตรทองได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดีที่สุด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในระบบบริการก็ตาม ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้จากช่องทางของ สปสช.