นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานใหม่ที่น่าทึ่งเกี่ยวกับผลกระทบจากการชนของดาวเคราะห์น้อยโบราณที่ส่งผลกระทบต่อโลกเมื่อประมาณ 35 ล้านปีก่อน การค้นพบนี้เกิดขึ้นในมณฑลมัวร์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ห่างจากจุดที่คาดว่าดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนในอ่าวเชสอะพีค รัฐเวอร์จิเนียไปประมาณ 240 ไมล์ (386 กิโลเมตร)
ดาวเคราะห์น้อยขนาดประมาณ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) พุ่งชนโลกด้วยความเร็ว 40,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (64,373 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การชนครั้งนี้ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ใต้พื้นอ่าวเชสอะพีคครึ่งไมล์
ทีมธรณีวิทยาที่ทำการสำรวจฟอสซิลในมณฑลมัวร์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ได้ค้นพบชั้นหินที่พวกเขาเชื่อว่าก่อตัวขึ้นจากผลกระทบของการชนของดาวเคราะห์น้อยและสึนามิที่ตามมา การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Southeastern Geology
หลักฐานที่พบ
ทีมนักวิทยาศาสตร์พบชั้นหินที่แตกต่างกันสี่ชั้นภายในชั้นหินหนาหนึ่งหลาที่ไซต์ในมณฑลมัวร์
- ชั้นหินชั้นแรกหนาประมาณ 17 นิ้ว (43 เซนติเมตร) ประกอบด้วยดินเหนียวปนทรายที่อุดมไปด้วยแก้วคาร์บอนและเศษหิน นักวิจัยยังวัดปริมาณอิริเดียมได้ 14 ถึง 18 ส่วนต่อพันล้าน ซึ่งเป็นธาตุทางเคมีที่หายากซึ่งมักพบในอุกกาบาตที่ตกลงสู่โลก
- ชั้นหินชั้นที่สองหนาเพียงประมาณ 3 นิ้ว (9 เซนติเมตร) ประกอบด้วยตะกอนและมวลควอตซ์และคาร์บอนที่จับตัวกันอย่างหลวมๆ รวมถึงอิริเดียม 2 ถึง 6 ส่วนต่อพันล้าน
- ชั้นหินชั้นที่สามเป็นส่วนผสมของดินและ... (ข้อมูลเพิ่มเติมยังไม่พร้อมใช้งาน)
ความสำคัญของการค้นพบ
การค้นพบนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของการชนของดาวเคราะห์น้อยโบราณและการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่ตามมา แสดงให้เห็นว่าผลกระทบของการชนครั้งนั้นแผ่ขยายไปไกลกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับชั้นหินเหล่านี้อาจเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หายนะที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน
นักวิทยาศาสตร์หวังว่าการวิจัยเพิ่มเติมจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงผลกระทบของการชนของดาวเคราะห์น้อยต่อสภาพแวดล้อมและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก