ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน, สายการบิน, และโรงไฟฟ้า
ค่าเงินบาทแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
Krungsri Securities ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาทแตะระดับ 31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นและเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย (SET Index) รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงาน, สายการบิน, สินค้านำเข้า (โทรคมนาคม, ไอทีเพื่อผู้บริโภค), และโรงไฟฟ้า
Daol Securities (Thailand) เสริมว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 2.2% เมื่อเทียบกับต้นไตรมาส (QTD) โดยมีปัจจัยหลักมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และราคาทองคำโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มไหนได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า?
- สายการบิน (THAI, AAV, BA): บริษัทเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่ารายได้จากตั๋วเครื่องบิน ดังนั้นค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะช่วยลดต้นทุน
- โรงไฟฟ้า: บริษัทเหล่านี้มีเงินกู้ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นจะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ถึงแม้ว่าจะเป็นรายการทางบัญชีและไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ผู้ที่ได้รับประโยชน์หลักคือ GULF, BGRIM, GPSC
- กลุ่มพลังงาน: กลุ่มนี้มี Net exporter ที่เป็นบวก
ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น
เมื่อวันที่ (ระบุวันที่), ราคาหุ้นของบริษัทต่างๆ ปรับตัวขึ้นดังนี้:
- Gulf Development Public Company Limited (SET: GULF) อยู่ที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.66%
- B.Grimm Power Public Company Limited (SET: BGRIM) อยู่ที่ 13.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 5.47%
- Thai Airways International Public Company Limited (SET: THAI) อยู่ที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.76%
- PTT Public Company Limited (SET: PTT) อยู่ที่ 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.57%
นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุน