นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้พิจารณา กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายเรืองไกรระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ถือเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทย โดย น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ได้กระทำการอันอาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (2)
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก "คดีคลิปเสียง" ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า น.ส. แพทองธาร มีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย โดยมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568
แม้ น.ส. แพทองธาร จะน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจและความตั้งใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติ โดยกล่าวว่า "บทสนทนาที่นำมาสู่การวินิจฉัยครั้งนี้นั้น ดิฉันไม่ได้ขออะไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง"
กกต. เตรียมพิจารณาหลักฐาน
ขณะนี้ กกต. อยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารและหลักฐานที่นายเรืองไกรยื่นมา เพื่อตรวจสอบว่ามีมูลเหตุเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวนพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ หาก กกต. พบว่ามีมูลความจริง ก็อาจนำไปสู่การพิจารณาให้พรรคเพื่อไทยสิ้นสภาพตามกฎหมาย
ผลกระทบทางการเมือง
การที่ น.ส. แพทองธาร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย่อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจทางการเมืองได้ในอนาคต